Blog Post

Thanhphong Blog > News > สุขภาพ > โรคเมลิออยด์คืออะไร? วิธีป้องกันและรักษาโรคเมลิออยด์
The Farmer planting on the organic paddy rice farmland

โรคเมลิออยด์คืออะไร? วิธีป้องกันและรักษาโรคเมลิออยด์

โรคเมลิออยด์ ตรวจพบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei ที่มักจะมาจากการมีการติดเชื้อในดินและน้ำทั่วไป โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ของประเทศไทย มักพบการติดเชื้อมากในผู้ที่ทำอาชีพเกษตรกรรมหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคธาลัสซีเมีย โรคปอด โรคใต และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกันเสริม


บทความที่เกี่ยวข้อง: ไวรัสโรต้า (Rotavirus) คืออะไร? วิธีการป้องกันไวรัสโรต้า

อาการของโรคเมลิออยด์

การติดเชื้อจะทำให้เชื้อเข้าสู่อวัยวะต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายเกิดภาวะแทรกซ้อนและทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานบกพร่อง อาจส่งผลให้เชื้อเข้าสู่กระแสเลือดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

อาการของโรคเมลิออยด์ประกอบด้วยปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, มีไข้สูง, ไอ, หายใจติดขัด, ปวดท้อง, เจ็บหน้าอก, การเกิดฝีหรือหนองที่ผิวหนัง, และเกิดแผลเรื้อรัง

อาการและความรุนแรงขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและปริมาณเชื้อที่ได้รับ หากมีอาการรุนแรงควรรีบพบแพทย์เพื่อป้องกันเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว

Tired of work. With showel. Woman is on the agricultural field at daytime.

วิธีป้องกันและรักษาโรคเมลิออยด์

โรคเมลิออยด์สามารถติดได้ทางหลายช่องทาง ซึ่งรวมถึงการรับเชื้อผ่านบาดแผลที่ผิวหนัง การดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อน และการสูดหายใจรับฝุ่นละอองที่มีเชื้อปนเปื้อน

การป้องกันโรคเมลิออยด์ค่อนข้างสำคัญ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นต้องสวมรองเท้าบูทถุงมือยาง และใส่กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ

นอกจากนี้ ควรระมัดระวังต่อบาดแผลที่ผิวหนัง โดยรีบทำความสะอาดบาดแผลและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท การรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและดื่มน้ำสะอาดเป็นวิธีการป้องกันเพิ่มเติม และควรหลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งแจ้งหรือลงไร่นาในขณะที่มีพายุฝนหรือสภาพอากาศแปรปรวน

เพื่อวินิจฉัยโรคเมลิออยโดสิส จะทำการตรวจดูจากอาการของผู้ป่วย และทำการตรวจเลือดและสารคัดหลั่งเพื่อไปเพาะเชื้อ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ เพิ่มเติมจะต้องสอบถามเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้ป่วยเพื่อให้ได้แนวทางการวินิจฉัยที่ครอบคลุม

ในกระบวนการรักษา เช่นการให้ยาปฏิชีวนะ ทั้งการฉีดและรับประทาน จะต้องทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรก และต่อมาจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะต่อไปอย่างต่อเนื่องประมาณ 3 เดือน

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *